ทริปนี้เน้นพาท่านไปยังหมู่บ้าน ลายา ในจังหวัด กาซ่า เป็นจังหวัดที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่อื่นๆในภูฏาน เป็นจังหวัดที่มีจำนวนประชากรน้อยที่สุด อยู่ทางเหนือสุดของภูฏาน เพราะภูมิประเทศเป็นเขาสูง ทำให้เป็นเขตที่ความเจริญยังไปไม่ถึงเท่าไหร่นัก ธรรมชาติจึงยังสมบูรณ์มาก สามารถพบกับพืชพันธุ์หายาก เช่น ป๊อปปี้สีฟ้า Blue Poppy ดอกไม้ประจำชาติภูฏาน รวมไปถึงสัตว์หายากอย่าง เสือดาวหิมะ และตัวทาคิน สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ และเป็นสัตว์ประจำชาติภูฏาน ตัวแพนด้าแดง สัตว์ประจำรัฐสิกขิม และแพะภูเขา Blue Sheep ที่จะอยู่บนที่สูงกว่า 4,000 เมตรเท่านั้น
หนึ่งในไฮไลท์ของจังหวัด กาซ่า คือ หมู่บ้าน ลายา ที่เป็นที่อาศัยของชนเผ่าลายับ หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่อยู่สูงที่สุดของภูฏาน มีธารน้ำแข็งและภูเขาหิมะอยู่โดยรอบ เป็นเขตที่เข้าถึงได้ยากที่สุดแห่งหนึ่งของภูฏาน มีชายแดนติดกับทิเบต มีการเชื่อมต่อค้าขายจามรีกับชาวเผ่าเร่ร่อนชาวทิเบต ชาวลายับมีรายได้จากการแลกเปลี่ยนสินค้ากับผลิตภัณฑ์จากจามรี ไม่ว่าจะเป็นสิ่งทอจากขนจามรี ชีสจามรี เนยจามรี และเนื้อจามรี และที่นี่เป็นแหล่งถั่งเช่าที่ดีที่สุด การจะเข้าถึงหมู่บ้านนี้ต้องเดินเท้าเข้าไป และอีกวิธีคือนั่งเฮลิคอปเตอร์เข้าไป ไม่มีถนนตัดถึงหมู่บ้านแต่อย่างใด เขตลายาเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางเทรคที่ท้าทายที่สุดในโลก คือ Snowman Trek
ชาวลายับเรียกดินแดนของตนว่า บายู หรือ เบยูล แปลว่า ดินแดนลี้ลับ ลายา เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สูงที่สุดของภูฏาน 3800m มียอดเขา Tsenda Gang (7100m) ยืนตระหง่านอยู่เหนือหมู่บ้านเป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างภูฏานกับทิเบต มีบ้านเรือนราว 140 หลังกระจายซ่อนอยู่ในทิวเขา มีแปลงเทินนิบ หรือ ผักกาดหัว, ทุ่งมัสตาร์ด, ทุ่งข้าวสาลี, ข้าวบาเล่ย์ กระจายไปทั่ว ชาวลายับยังถือเป็น Nomadic หรือ ชนเผ่าเร่ร่อน (ชั่วคราว) ในช่วงฤดูเกษตรชาวบ้านจะทำเกษตรที่หมู่บ้าน ในฤดูร้อน ชาวบ้านจะอพยพไปพร้อมกับจามรีขึ้นไปอยู่บนเขาสูง และไปอาศัยอยู่ตามกระโจมบนเขาสูงที่อากาศเย็น
ชาวลายับมีความพิเศษตรงเครื่องแต่งกายของผู้หญิงจะมีหมวกสานจากไม้ไผ่เล็กสวมไว้บนศีรษะ หญิงชาวลายับจะไว้ผมยาว ชุดประจำเผ่าจะเป็นเสื้อคลุมสีดำ ผ้าถุงทอจากขนสัตว์ยาวคลุมข้อเท้าลายผ้าทอจะเป็นลายขวาง สวมเครื่องประดับเงินทั่วตัว ชาวลายามีภาษาเป็นของตัวเอง เรียกว่า ภาษาลายากิ
รายละเอียดโปรแกรม
04:30น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 แถว K ประตู 5 เช็คอินสายการบิน Drukair กรุงเทพฯ-พาโร เที่ยวบินที่ KB151 ใช้เวลาบิน 3 ชั่วโมง 15 นาที
06:30น. เหินฟ้าสู่เมืองพาโร (เสริฟอาหารเช้าบนเครื่องบิน)
07:00น. เดินทางถึงเมืองพาโร (2,280m) เวลาที่ภูฏานช้ากว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง
ตอนนำเครื่องลงท่านจะได้สัมผัสกับขุนเขาอันกว้างใหญ่ใกล้แค่เอื้อม ดุจดั่งเข้าสู่อ้อมกอดของหุบเขาแห่งเมืองพาโร สำหรับท่านที่รักการถ่ายภาพ ความอลังการของทิวทัศน์จะทำให้ท่านได้ภาพที่งดงาม อัศจรรย์ที่สุดภาพหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้
พบกับไกด์ท้องถิ่นที่มาต้อนรับแบบประเพณีชาวหิมาลัย ด้วยการคล้องผ้าคะตะ ท่านสามารถคุยปรับแต่งโปรแกรมตามชอบกับไกด์ผู้เชี่ยวชาญเส้นทาง และรู้ลึกเกี่ยวกับชีวิตชาวเขาเส้นทาง Gasa – Laya เป็นอย่างดี
พาท่านพักเหนื่อยจากการเดินทาง ทานอาหารกลางวัน ดื่มชา จิบกาแฟ พาเที่ยวเมืองพาโร หลังจากนั้นพาท่านเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวไปยังเมืองทิมพู เมืองหลวงของประเทศภูฏาน
คืนนี้เราพักกันที่โรงแรมในเมืองทิมพู โรงแรมนัมเกล เฮอริเทจ หรือ เทียบเท่า
หลังอาหารเช้า วันนี้เราจะพาท่านเดินทางเปลี่ยนบรรยากาศจากเมืองสู่ธรรมชาติ พาท่านขับรถมุ่งหน้าขึ้นไปทางทิศเหนือ ระหว่างทางให้ท่านแวะชมวิวหิมาลัยฝั่งตะวันออกที่ช่องเขาโดชูลา ผ่านเมืองพูนาคา เมืองหลวงเก่าของภูฏาน พักทานอาหารแบบปิคนิคที่หมู่บ้านแดมจิ หมู่บ้านเล็กๆระหว่างทาง จากนั้นเดินทางต่อไปจนเข้าเขตจังหวัด กาซ่า ที่อยู่เหนือสุดของภูฏาน เราจะมาใช้ชีวิตกับชาวบ้าน โดยทานอาหารและพักที่โฮมสเตย์ในหมู่บ้าน เดินเล่นดูวิถีชีวิต พูดคุยดื่มชากับชาวบ้าน
วันนี้เรายังคงใช้ชีวิตกับชาวบ้าน กาซ่า ได้ลองทำกิจกรรมร่วมกับชาวบ้าน เดินเทรคสั้นๆรอบหมู่บ้าน ลองรีดนมจากวัว หรือ จามรี ดูวิธีการทำชีสของชาวบ้าน ทานอาหารกับชาวบ้าน หากใครต้องการทำอาหารทานเองก็สามารถเข้าครัวไปทำได้ ลองยิงธนูไม้ไผ่แบบภูฏาน พักค้างคืนในโฮมสเตย์
วันนี้เราจะอำลาความเจริญไปชั่วคราว ไปหาธรรมชาติลึกเข้าไปอีกระดับ เพราะจากนี้ไปจะไม่มีถนนสำหรับรถวิ่ง มีแต่ทางเดินเท้าเท่านั้น เราจะเดินเทรคไปจนถึงหมู่บ้าน ลายา ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง ใช้เส้นทางเดินเลาะแม่น้ำโมชู เส้นทางจะไต่ขึ้นระดับไปเรื่อยๆ พอใกล้ถึงหมู่บ้าน ลายา เส้นทางจะค่อนข้างชัน ระหว่างทางทีมงานจะเตรียมอาหารกลางวันแบบปิคนิกให้ทาน
ที่หมู่บ้าน ลายา เราจะได้ไปเยี่ยมชม พูดคุย ดื่มชา กับชาวลายับ สัมผัสวิถีชีวิตอย่างใกล้ชิด คืนนี้จะพักโฮมสเตย์กันที่หมู่บ้าน ลายา
วันนี้จะเป็นวันที่เราได้ใช้ชีวิตร่วมกันแบบชาวลายับ มาสัมผัสความเป็นชนเผ่าเร่ร่อน จะได้เดินเทรคไปรอบๆหมู่บ้าน และไปจนถึงหมู่บ้านกงยุล ได้ลองชุดประจำเผ่า ลองชิมอาหารลายับ ชิมชาเนยแบบดั้งเดิม ไปชมว่ากระโจมที่ชาวลายับอพยพไปอยู่ช่วงฤดูร้อนเป็นยังไง อยู่กันแบบไหน ดูการทอผ้าจากขนจามรี เป็นต้น คืนนี้เราก็ยังคงพักโฮมสเตย์กันที่หมู่บ้าน ลายา
วันนี้เราจะเดินเทรคกลับไปยัง กาซ่า ทางลงจะค่อนข้างชัน ใครมีปัญหาเรื่องเข่าแนะนำให้รัดผ้าไว้ ไม้เท้าจะช่วยรองรับน้ำหนักแทนขาได้มาก ใช้เวลาเทรคประมาณ 10 ชั่วโมง ระหว่างทางเราจะรับประทานอาหารกลางวันแบบปิกนิกที่ Koina แค้มป์
เมื่อถึงหมู่บ้าน กาซ่า นั่งจิบชาพักเหนื่อย ก่อนที่จะไปผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยการลงแช่บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ เป็นไฮไลท์ของหมู่บ้าน กาซ่า
เมื่อคลายเหนื่อยเมื่อยล้าแล้ว ก็พาไปชมวิถีชีวิตชาว กาซ่า และเราจะรับประทานอาหารเย็นร่วมกันที่โฮมสเตย์ เป็นการสั่งลาธรรมชาติอันสวยงาม เพื่อจะได้มีโอกาสกลับมาอีกครั้ง คืนนี้เราจะนอนกันที่โฮมสเตย์ในหมู่บ้าน กาซ่า
หลังอาหารเช้า เราร่ำลาเจ้าของบ้าน จากนั้นก็เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวมุ่งหน้าไปยังเมืองพาโร แวะรับประทานอาหารกลางวันที่เมืองพูนาคา เมืองหลวงเก่าของภูฏาน แวะเที่ยวระหว่างทาง และในพาโรเองก็สามารถแวะช้อปปิ้งซื้อของฝากติดมือกลับบ้านได้ด้วย คืนนี้เราพักโรงแรมทาชินัมเกลรีสอร์ต
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เช็คเอ๊าท์ นำท่านสู่สนามบินนานาชาติพาโร
09:00 เช็คอินที่สนามบินพาโร สายการบิน Drukair เที่ยวบินที่ KB150 พาโร – กรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 10 นาที
11:00 เครื่องบินเหินฟ้าจากสนามบินพาโร (เสริฟอาหารกลางวันบนเครื่องบิน)
15:10 เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
อัตรานี้รวม และไม่รวม อะไรบ้าง
- ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ กรุงเทพพฯ-พาโร ชั้นประหยัด/ค่าภาษีสนามบินทุกแห่ง
- ค่ารถนำเที่ยวภายในภูฏาน
- ไกด์ภาษาอังกฤษผู้เชี่ยวชาญเส้นทาง
- ค่าโรงแรมที่พักห้องสแตนดาร์ด โรงแรมในแพคเกจตามที่รัฐบาลภูฎานกำหนด (2-3 ท่านต่อ 1 ห้อง)
- โฮมสเตย์ระหว่างเทรค
- ค่าวีซ่าภูฏาน
- ค่าลูกหาบ หรือ ม้าขนสัมภาระระหว่างเทรค
- ค่า Tour Development Fee
- ค่าบัตรเข้าชมสถานที่เที่ยว
- ค่าอาบน้ำแร่ที่กาซ่า
- ค่าอาหารมาตรฐานทุกมื้อตามรายการ
- ประกันการเดินทางวงเงิน 1,000,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ นอกเหนือจากรายการ
- ค่าน้ำหนักเกินกว่าสายการบินกำหนด 30kg สำหรับชั้นประหยัด
- ค่าทิปไกด์, คนขับรถ
- ค่าโทรศัพท์/ค่าซักรีด
- เครื่องดื่มนอกเหนือจากรายการ
- ค่าอุปกรณ์ระหว่างเทรค เช่น ไม้เท้า, รองเท้า, เสื้อกันหนาว, ถุงนอน เป็นต้น
- ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และค่าภาษีบริการ 3%
- น้ำดื่มบนรถไม่จำกัดจำนวน
- ชา-กาแฟ หลังอาหารมื้อหลัก
- ได้ลองสวมชุดประจำชาติ