ทัวร์ลาดักห์ 8 วัน พาท่านไปรู้จักกับดินแดนที่สูงที่สุดของอินเดีย แต่ได้รับฉายาว่า ทิเบตน้อย
ลาดักห์ ดินแดนสหภาพ (Union Territory) อยู่ทางภาคเหนือสุดของอินเดีย อยู่บนที่ราบสูง ครอบคลุมตั้งแต่ ธารน้ำแข็งเซียเชน ของ เทือกเขาคาราโครัม ไปจนถึง เทือกเขาหิมาลัย ทางตอนใต้ มีพรมแดนติดกับ ทิเบต และ ปากีสถาน มีวัฒนธรรมผสมผสานกันระหว่าง พุทธมหายาน แบบทิเบตโบราณ และ อิสลาม
ลาดักห์ แบ่งการบริหารเป็น 2 เขต คือ เลห์ กับ คาร์กิล ส่วนที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวจะเป็น เลห์ เพราะเป็นที่ตั้งของสนามบิน ทำให้มีความเจริญ และ เข้าถึงได้ง่ายกว่า เขตคาร์กิล
ที่เลห์ มีความโดดเด่นของวัฒนธรรมแบบพุทธมหายานแบบทิเบต ทำให้ได้ชื่อว่าเป็น ทิเบตน้อย
ภูมิประเทศของ ลาดักห์ มีความสวยงามมาก มีทั้งยอดเขาสูงบนเทือกเขาหิมาลัย ธารน้ำแข็ง แม่น้ำ ทะเลสาบ และ ทะเลทราย ผสมกับ วัด หมู่บ้าน และวัฒนธรรมโบราณ ที่ยังมีให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ ทำให้เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของคนทั่วโลก
การเดินทางเข้าไป ลาดักห์ ก็มีหลายวิธี ทั้งทางเครื่องบิน และ ทางรถ
ข้อจำกัด สภาพอากาศ ถือเป็นเรื่องท้าทายในการท่องเที่ยวลาดักห์ เพราะ ลาดักห์ อยู่บนเขตที่ราบสูง สูงกว่า 3,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ภูมิประเทศเป็นกึ่งทะเลทราย ทำให้มีความแห้งแล้ง เป็นเหตุให้ปริมาณออกซิเจนเบาบาง ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาจากที่ราบลุ่ม มักเจอปัญหาการปรับตัว เลยมีอาการโรคแพ้ความสูงกัน
อ่านเพิ่มเติม: เรื่องโรคแพ้ความสูง
คำเตือน ท่านใดที่มีปัญหาโรคหัวใจ, โรค SLE และโรคประจำตัวอื่นๆที่เกี่ยวกับการทำงานของหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเดินทาง แจ้งคุณหมอว่าจะไปลาดักห์ ที่มีความสูงมากกว่า 3,000 เมตร และ ออกซิเจนเบาบาง ให้คุณหมออนุญาตก่อนถึงจะไปได้
รายละเอียดโปรแกรม ทัวร์ลาดักห์ 8 วัน
เช็คอินสายการบิน กรุงเทพฯ – เดลี
เดินทางถึงสนามบินนานาชาติอินทิราคานที Terminal 3 กรุงนิวเดลี
บินจากกรุงนิวเดลี สู่เมือง เลห์ แคว้นลาดักห์ (ความสูง 3,500m จากระดับน้ำทะเล) ใช้เวลาบินประมาณ 1h30m
– ถึงเมืองเลห์ พักผ่อนปรับร่างกายกับอากาศบนที่สูง
– เดินเล่นตลาด เมืองเลห์
– คืนนี้พักที่เลห์ (3500m)
ออกเดินทางจากเมืองเลห์ แวะจุดชมวิว Sangam View Point แม่น้ำสินธุและแม่น้ำซานสการ์ มาบรรจบกัน แวะเช็คอินที่ Magnetic Hill จุดที่บอกว่าเป็นเนินพิศวง เดินทางต่อไปยังหมู่บ้านอัลชิ หมู่บ้านเล็กๆที่มีความสวยงาม เที่ยวชมวัดอัลชิ จากนั้นเดินทางต่อไปยังวัดลามายูรู เป็นวัดในพุทธศาสนาแบบทิเบต ตั้งอยู่ในหุบเขาห่างจากถนนศรีนาคา – เลห์ ไฮเวย์ 15 กิโลเมตรไปทางทิศตะวันตกของช่องเขา Fotu La (3510m) จากทางเข้าวัดลามายูรูนี้ ท่านจะได้เห็นภูมิประเทศที่เป็นภูเขาหิน และพื้นผิวที่ขุรขระเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกพระจันทร์ วัดลามายูรูนี้ถือเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดวัดหนึ่งในลาดักห์ มีพระจำพรรษาอย่างถาวรที่นี่ประมาณ 150 รูป ในอดีตเคยมีพระจำพรรษาอยู่ถึง 400 รูปเลยทีเดียว
จากนั้นเดินทางกลับสู่ เมืองเลห์
คืนนี้พักที่เลห์ (3500m)
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม พาท่านเดินทางไปยังทะเลสาบแปงกอง ระหว่างทางผ่านช่องเขา Chang La Pass (5360m) อยู่ห่างจากทะเลสาบปันกองราว 60 กิโลเมตร อากาศหนาวจัด และมีลมแรง นักท่องเที่ยวสามารถจอดรถลงไปถ่ายรูปกับวงเวียนที่มีป้ายบอกความสูงไว้เป็นที่ระลึก มีห้องน้ำบริการ
เมื่อข้ามช่องเขา จากนั้นก็เดินทางไปยัง Pangong Lake (4350m) – ทะเลสาบปันกอง เป็นทะเลสาบน้ำจืด มีความยาว 134 กิโลเมตร กว้าง 5 กิโลเมตร และมีพื้นที่ถึง 60% ที่อยู่ในเขตทิเบต น้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีสีสันที่งดงามมาก โดยเฉพาะในช่วงเย็นน้ำจะมีสีน้ำเงินเข้ม และจะเปลี่ยนสีไปเรื่อยตามมุมของดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงกระทบผืนน้ำ ในฤดูหนาวทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด ที่นี่อยู่ในเขตควบคุม นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องขอใบอนุญาติล่วงหน้าก่อนเดินทางเข้าเขตควบคุมนี้
สมควรแก่เวลา พาท่านเดินทางกลับเข้าสู่ เมืองเลห์
คืนนี้พักที่เลห์ (3500m)
เช้า หลังรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เช็คเอ๊าท์ (จัดกระเป๋าสำหรับไปพัก 1 คืน ที่เหลือสามารถฝากไว้ที่โรงแรมได้) เตรียมเสื้อหนาว ถุงมือ ผ้าพันคอ เพราะวันนี้จะผ่านจุดสูงสุดของอินเดีย
จากนั้นพาท่านเดินทางไปยังนูบร้าวัลเล่ย์ อยู่ห่างจากเลห์ไปทางเหนือราว 150 กิโลเมตร เป็นหุบเขาขนาดใหญ่แบ่งแยกดินแดนลาดักห์และเทือกเขาคาราโครัมในดินแดนปากีสถานในปัจจุบันออกจากกัน เพราะเหตุที่อยู่ใกล้ชายแดนอินเดีย-ปากีสถาน ที่นี่จึงเป็นเขตควบคุมพิเศษ (restricted area) จึงต้องทำใบอนุญาติก่อนเข้ามา ระหว่างทางจะมีจุดตรวจเอกสารขออนุญาตเข้าพื้นที่ (Inner Line Permit) อยู่หลายจุด
ระหว่างทางผ่าน Khardung La Pass – เป็นช่องเขาสูงที่เคยเป็นเส้นทางสำคัญของกองคาราวานจากเลห์ไปยัง Kashgar ในจีน เพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้ากัน มีข้อถกเถียงกันในเรื่องระดับความสูงจากน้ำทะเลของถนนสายนี้ หากไปถึงที่นี่ ท่านจะได้เห็นป้ายบอกความสูงที่ 5,606 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ได้มีทีมสำรวจเข้าไปวัดระดับความสูงที่แท้จริงด้วยเครื่องวัด GPS ที่ทันสมัย ได้ผลลัพธ์ที่ความสูง 5,359 เมตรจากระดับน้ำทะเลเท่านั้น (หากใครมีนาฬิกาที่วัดความสูงได้ก็สามารถวัดได้) ซึ่งก็ลบคำกล่าวที่อ้างกันมานานว่าที่นี่เป็นถนนที่สูงที่สุดในโลกไปโดยปริยาย โดยแท้จริงแล้วยังมีถนนที่สูงกว่าที่นี่อีก 2 แห่งในทิเบต คือ ที่ Suge La ทางตะวันตกของลาซา (5,430เมตร) Semo La ระหว่าง Raka และ Coqen ในตอนกลางของทิเบต (5,565 เมตร) จากผลการสำรวจนี้ทำให้ Chang La Pass และ Tanglang La ไม่ติดอันดับถนนที่สูงที่สุด 1 ใน 3 ของโลกไปด้วย แต่หากถามคนพื้นที่ คนที่นั่นอาจจะยังยืนยันคำเดิมที่ว่าที่นี่เป็นถนนที่สูงที่สุดในโลกก็ได้
แวะเที่ยววัดดีสกิต Diskit Gompa – สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1420 เป็นวัดพุทธแบบทิเบต ที่ใจกลางวัดมีหลังคาทรงโดมตกแต่งด้วยภาพเขียนที่แสดงภาพของวัดทาชิลุนโปในทิเบต ภายในมีศาลมากมาย และเป็นที่เก็บรักษาคัมภีร์ภาษาทิเบตและภาษามองโกลอยู่มากมาย ในปัจจุบันจะอนุญาตให้เข้าชมเพียงบางห้องเท่านั้น หากเข้าไปเห็นรูปปั้นเทพเจ้าและพระโพธิสัตว์ถูกคลุมด้วยผ้าไหมแพรพรรณอย่างดีล่ะก็ไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นพิธีกรรมของทางวัดที่จะเปิดผ้าคลุมเฉพาะในช่วงเทศกาลโดสโมเช (Dosmoche) ประมาณเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคมของทุกปีตามปฎิทินทิเบต
จากนั้นพาท่านแวะกราบสักการะองค์พระศรีอารยเมตไตรองค์ยักษ์ ขนาดความสูง 106ฟุต องค์พระหันหน้าไปทางชายแดนประเทศปากีสถาน
จากนั้นเดินทางไปยังหมู่บ้านฮุนเดอร์ Hunder – หมู่บ้านในหุบเขานูบรา ที่นี่ท่านจะได้พบกับเนินทราย (Sand Dune) สีเทาขนาดใหญ่ และมีขบวนอูฐพันธุ์ Bactrian ที่มีสองหนอก ที่จะพานักท่องเที่ยวออกสัมผัสเนินทรายเหล่านั้น (ค่าขี่อูฐเมื่อ ส.ค. 2559 ประมาณ 250รูปี/ครึ่งชั่วโมง -ไม่รวมในค่าทัวร์)
โดยรอบจะมีซุ้มกิจกรรมให้เลือกเล่น เช่น ยิงธนู แต่งชุดชาวลาดักห์เพื่อถ่ายรูป ห่างออกไปก็มีสถานีเช่ารถเอทีวี (กิจกรรมเหล่านี้ไม่รวมในค่าทัวร์)
จากนั้นพาท่านเช็คอินเข้าสู่ที่พักในเขตหมู่บ้านฮุนเดอร์ (3048m) รับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม (รวมอยู่ในค่าทัวร์)
คืนนี้พักที่ฮุนเดอร์ (3048m)
หลังอาหารเช้า เช็คเอ๊าท์ จากนั้นเดินทางกลับสู่ เมืองเลห์
เมื่อถึงเลห์ พาท่านไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ เจดีย์สันติภาพ Shanti Stupa สร้างขึ้นปี ค.ศ.1985 โดยองค์กรพุทธศาสนาแห่งญี่ปุ่น (The Japanese for World Peace) ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องให้ผู้คนทั้งโลกร่วมมือร่วมใจกันสรรค์สร้างสันติภาพ และถือเป็นการฉลองวาระครบรอบ 2,500ปีแห่งพุทธศาสนาอีกด้วย โดยองค์ดาไลลามะ ได้เสด็จมาเป็นประธานเปิดพระเจดีย์ด้วยพระองค์เอง บนยอดเขานี้มีลักษณะเป็นลานกว้าง เป็นจุดชมวิวเมืองเลห์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง สามารถมองเห็นพระราชวังเลห์และเมืองทั้งเมือง บนนี้ลมแรงและอากาศเย็น ควรเตรียมเสื้อหนาวให้เพียงพอ
จากนั้นให้อิสระท่านเดินเล่นในตลาดเมืองเลห์
คืนนี้พักที่เลห์ (3500m)
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม พาท่านไปยังพระราชวังเชย์ (3415m) ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเลห์ 15 ก.ม. โดยสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1655 โดยกษัตริย์ Deldan Namgyal ใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน และพระองค์ยังสร้างวัดเชย์ไว้ในเขตวังเพื่อระลึกถึงพระราชบิดา Singay Namgyal ในโบสถ์มีพระพุทธรูปทองสัมริดองค์ใหญ่เป็นอันดับสองใน แคว้นลาดักห์
วัดธิคเซย์ (3600m) เป็นวัดพุทธแบบทิเบตในนิกายเกลุกปะ สร้างขึ้นราวกลางศตวรรษที่ 15 อยู่ห่างจากเลห์ราว 19 ก.ม. ได้ชื่อว่า เป็นโปตาลาน้อย เพราะตัวอารามมีความคล้ายคลึงพระราชวังโปตาลาในกรุงลาซา ทิเบต วัดธิคเซย์เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดใน ลาดักห์ ไฮไลท์ของวัดนี้คือองค์พระศรีอริยเมตตรัยสูง 15m ใหญ่ที่สุดใน แคว้นลาดักห์
วัดเฮมิส วัดพุทธแบบทิเบตในนิกายดรุกปะ อยู่ห่างจากเลห์ 45 ก.ม. วัดสร้างขึ้นเมื่อก่อนศตวรรษที่ 11 โดยท่านนาโรปะ และได้รับการบูรณะในปี ค.ศ. 1672 โดยกษัรติย์ Sengge Namgyal
จากนั้นเดินทางกลับเข้า เมืองเลห์
คืนนี้พักที่เลห์ (3500m)
หลังอาหารเช้า เช็คเอ๊าท์ ส่งสมาชิกไปยังสนามบินเมืองเลห์ เพื่อเช็คอินสายการบิน
XX:XX เดินทางถึงสนามบินเดลลี
Xx:X เช็คอินสายการบิน เพื่อบินกลับไทย
X:xX เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
อัตรานี้รวม และไม่รวม อะไรบ้าง สำหรับทัวร์ลาดักห์ 8 วัน
- วีซ่าอินเดีย* e-Tourist Visa มีอายุ 30 วันเข้าออกได้ 2 ครั้ง เดินทางช่วง ก.ค. – มี.ค. สำหรับผู้ถือพาสปอร์ตไทย หากต้องการ e-Tourist Visa อายุ 1 ปี เพิ่ม 500 บาท
- ที่พักในเลห์ พร้อมอาหารเช้า มีฮีทเตอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น และ WiFi
- ที่พักเป็นแค้มป์พร้อมอาหารเช้าและเย็นที่ทะเลทรายฮุนเดอร์
- รถนำเที่ยวในลาดักห์
- ค่าเข้าสถานที่ตามที่ระบุในโปรแกรม
- ไกด์ท้องถิ่นพูดภาษาอังกฤษ
- ค่าทำใบอนุญาตเข้าเขตหวงห้าม (permits)
- ประกันการเดินทางวงเงิน 1,000,000 บาท
- ตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพฯ –เดลี และตั๋วเครื่องบินไปกลับ เดลี – เลห์
- อาหารและเครื่องดื่ม มื้อเที่ยง และ เย็น (ยกเว้นมื้อเย็นวันเดินทางวันที่ 5 ที่รวมแล้ว)
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆที่ไม่ได้ระบุไว้ในโปรแกรม
- ค่าขี่อูฐที่ทะเลทรายฮุนเดอร์
- ค่าธรรมเนียมใช้กล้อง (ถ้ามี)
- ค่าทิปใดๆ