ทัวร์ภูฏาน 10 วัน เหมาะกับผู้ที่มีเวลามากหน่อย เที่ยวแบบเจาะลึก ครบหมดทุกไฮไลท์ จากภาคตะวันตกไปจนถึงภาคกลางของภูฏาน
ไปจนถึงเมืองบุมทัง เมืองแห่งจิตวิญญาน / เมืองทรองซา ต้นกำเนิดของราชวงศ์วังชุก / หุบเขาผบจิกะ หุบเขาที่สวยที่สุดของภูฏาน / พูนาคา เมืองหลวงเก่าที่มีป้อมที่สวยที่สุด / ทิมพู เมืองหลวงที่ยังเข้มข้นในวัฒนธรรมภูฏาน / พาโร เมืองสวยเป็นที่ตั้งของวัดทักซัง วัดบนหน้าผา / หุบเขาฮา หุขเขาที่อยู่ติดชายแดนทิเบตทางภาคตะวันตกที่สุดของภูฏาน
เที่ยวครบทุกไฮไลท์ ทริปส่วนตัว เที่ยวได้ตั้งแต่ 1 คน กำหนดวันเดินทางได้เอง ปรับโปรแกรมได้เฉพาะกรุ๊ป
รายละเอียดโปรแกรม ทัวร์ภูฏาน 10 วัน
04:30 พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 แถว เช็คอินสายการ บิน Bhutan Airlines กรุงเทพฯ-พาโร เที่ยวบินที่ B3-701 ใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมง 20 นาที
06:30 เหินฟ้าสู่เมืองพาโร เครื่องแวะรับผู้โดยสารที่สนามบินกัลกัตตา, อินเดียใช้เวลา 30 นาที ไม่ต้องลงจากเครื่อง (เสริฟอาหารเช้าบนเครื่องบิน)
09:55 เดินทางถึงเมืองพาโร (2,280m) เวลาที่ภูฏานช้ากว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง
ตอนนำเครื่องลงท่านจะได้สัมผัสกับขุนเขาอันกว้างใหญ่ใกล้แค่เอื้อม ดุจดั่งเข้าสู่อ้อมกอดของหุบเขาแห่งเมืองพาโร สำหรับท่านที่รักการถ่ายภาพ ความอลังการของทิวทัศน์จะทำให้ท่านได้ภาพที่งดงาม อัศจรรย์ที่สุดภาพหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้
ท่านจะได้รับการประทับตราวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่พาโร เมื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ที่คอยต้อนรับอยู่ที่ จากนั้นออกมานอกตัวอาคาร พบกับเจ้าหน้าที่ที่คอยต้อนรับอยู่ที่สนามบิน พร้อมกับการต้อนรับอันอบอุ่นด้วยผ้าคะตะตามประเพณีของชุมชนโดยรอบหิมาลัย
พาท่านชมวิวสนามบินพาโรจากจุดชมวิวบนเขา ที่นี่จะเห็นวิวเมืองพาโร และวิวของสนามบินพาโร ที่มีรันเวย์สั้นติดอันดับโลก
พาท่านขึ้นไปเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติภูฏาน ซึ่งเดิมเคยเป็นหอสังเกตุการณ์ของป้อมรินปุน และเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1968 และได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย แต่กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงเพราะได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อตุลาคม 2554 ที่นั่นเป็นจุดชมวิวหุบเขาพาโรที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง
จากนั้นเที่ยวชม ป้อมรินปุง (ป้อมแห่งอัญมณี) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ป้อมพาโร สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1645 ทางเดินเข้าป้อมมีธงมนต์เรียงรายสองข้างทางนำไปสู่สะพานไม้แสนสวยหลังคามุงด้วยกระเบื้องหิน และอยู่ติดกับป้อมยามสองหลัง ปัจจุบันป้อมพาโรมีฐานะเป็นศูนย์กลางในการบริหารปกครองของเขตปกครองพาโรและเป็นที่ตั้งของอารามหลวง ซึ่งมีพระจำวัดอยู่ราว 200รูป หอกลาง (อุตซี) ของป้อม ถึงเป็นหนึ่งในงานเครื่องไม้ที่งามที่สุดในภูฎาน ภาพยนต์ฮอลลีฮูดเรื่อง Little Buddha ก็มาถ่ายทำที่ป้อมนี้ด้วย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นเที่ยวชมวัดคิชุลาคังหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศภูฏาน สร้างโดยกษัตริย์ธิเบตในปี ค.ศ.659 ท่านจะได้พบกับต้นส้มศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุถึง 600ปี แต่ยังให้ผลตลอดทั้งปี
ผ่าน จุดชมวิวชูซม (Chuzom – river meeting point) เป็นจุดรวมของแม่น้ำพาชู จากพาโร และ แม่น้ำวังชูจากทิมพูได้มีการสร้างเจดีย์พุทธสามแบบไว้ตรงจุดที่แม่น้ำบรรจบกัน จะเป็นเจดีย์แบบภูฏาน แบบเนปาล และแบบทิเบต
จากนั้นมุ่งหน้าสู่เมืองทิมพู เป็นเมืองหลวงที่มีเสน่ห์อยู่ใจกลางหิมาลัย เพราะไม่เหมือนเมืองหลวงที่ใดในโลก อาคารบ้านเรือนยังคงเอกลักษณ์ตามสถาปัตยกรรมภูฎานดั้งเดิม
เดินเล่นในตัวเมืองทิมพู แวะถ่ายรูปสี่แยกหลักของเมืองทิมพูที่ยังคงไม่มีการใช้สัญญานไฟจราจร แต่ใช้ตำรวจจารจรมาโบก แวะถ่ายรูปหอนาฬิกากลางเมือง ช้อปปิ้งซื้อหาของที่ระลึกได้ในร้านขายของที่ระลึกที่มีอยู่โดยรอบ ท่านสามารถซื้อชุดประจำชาติ และแสตมป์ภูฏานอันเลื่องชื่อ และของที่ระลึกทีเกี่ยวกับพุทธศานาแบบทิเบต
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
เข้าพัก Hotel Pedling หรือ เทียบเท่า ที่เมืองทิมพู (Alt; 2320m)
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เช็คเอ๊าท์
พาท่านกราบสักการะองค์พระใหญ่ที่ Buddha Gang ที่ซึ่งประดิษฐานองค์พระใหญ่ที่สุดในภูฎาน บนยอดเขาที่เป็นจุดรวมพลังของหุบเขาทิมพู และเป็นจุดชมวิวเมืองทิมพูอีกด้วย
จากนั้นมุ่งหน้าสู่เมืองพูนาคา และ วังดีโพดรัง ทิวทัศน์ระหว่างทางจะเต็มไปด้วยความสวยงามของต้นไม้ในเขตอัลไพน์สลับกับพืชเขตร้อน ระหว่างทางแวะโดชูลาพาส ที่ระดับความสูง 3150 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นจุดชมวิวภูเขาหิมาลัยด้านตะวันตกอันตระการตา พร้อมยอดเขาต่างๆเรียงราย รวมไปถึงยอดเขาที่สูงที่สุดอย่างโชโมฮารี (7328 เมตร) ที่เดียวกันชม 108 สถูป เป็นที่ประดิษฐานเจดีย์ 108 องค์ โดยสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.2005 เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับทหารวีรชนชาวภูฏานที่เสียชีวิตจากสงครามอัสสัม
เที่ยง เมื่อถึงเมืองพูนาคา รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นเยี่ยมชม ป้อมพูนาคา ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นวังแห่งความสุข “ Palace of Great Happiness” และเป็นหนึ่งในป้องปราการที่สวยงามที่สุดในภูฏาน เป็นป้อมที่สร้างเป็นอันดับสองของภูฏาน ในอดีตเมื่อครั้งเมืองพูนาคายังเป็นเมืองหลวง ป้อมนี้ได้ถูกใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีขึ้นครองราชย์ขององค์ปฐมกษัตริย์แห่งภูฎาน ในวันที่ 17 ธันวาคม 1907 เมื่อตุลาคมปี 2011 ใช้เป็นที่ประกอบราชพิธีอภิเษกสมรสของกษัตริย์จิ๊กมี่และพระราชินี ปัจจุบันเป็นที่พักในฤดูหนาวของพระชั้นผู้ใหญ่ ป้อมนี้ตั้งอยู่ ณ บริเวณที่แม่น้ำ Phochu และ แม่น้ำ Mochu ไหลมาบรรจบกัน
จากนั้นพาท่านไปยังสำนักชี Sangchhen Dorji Lhuendrup nunnery อันเงียบสงบ แต่อยู่ท่ามกลางทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองพูนาคา
เย็น รับประทานอาหาร ที่โรงแรม
ค้างคืนที่ Meri Puensum Resort หรือ เทียบเท่า ในเมืองพูนาคา (Alt.1240m)
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เช็คเอ๊าท์
จากนั้นพาท่านขับรถมุ่งหน้าไปยังเมืองทรองซา ระหว่างทางผ่านช่องเขาเพเลลาพาส (3,300m) เลยช่องเขาไปจะมีหมู่บ้านใหญ่ชื่อรูคุปจิ บ้านที่นี่จะล้อมรอบไปด้วยทุ่งมัสตาร์ด ไร่มันฝรั่ง ทุ่งบาร์เล่ย์ และข้าวสาลี ระหว่างทางมีทุ่งดอกไม้โรโดเดนดรอน หรือ กุหลาบพันปี และเฟิร์น จากนั้นผ่านหมู่บ้านเชนเดปจิ เป็นจุดพักระหว่างทางของกองคาราวานเดินทางจากทรองซาในช่วงรัชสมัยของกษัตริย์องค์ที่ 2 ของอาณาจักรภูฎาน จุดนี้ยังเป็นจุดสำคัญในการแบ่งภูฎานตะวันออกและภูฎานตะวันตก แขตนี้เป็นดินแดนของคนเลี้ยงจามรีและคนเลี้ยงแกะ ถ้าทัศนวิสัยปลอดโปร่งจะมองเห็นยอดสูงๆของเทือกเขาหิมาลัยได้อย่างชัดเจน รวมทั้งยอดโชโมฮารี (7,219m) ทางทิศตะวันตกด้วย
ถัดจากหมู่บ้านนี้จะได้เห็นสถูปเชนเดปจิ สีขาวองค์ใหญ่อยู่ริมลำธาร สถูปนี้จำลองมาจากสถูปสวยัมภูวนาถ ในกาฎมัณฑุ ประเทศเนปาล มีรูปตาวาดติดไว้ทั้งสี่ทิศสร้างขึ้นในครึ่งแรกของศตวรรษที่ 18 เพื่อสะกดปีศาจที่เข้ามาอาละวาดสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในหุบเขาบริเวณนี้ หมู่บ้านสุดท้ายก่อนถึงทรองซาคือ หมู่บ้านทังเซปจิ จากจุดนี้ท่านจะได้เห็นวิวอันตระการตาของป้อมทรองซา อย่างสมบูรณ์ มองเห็นหลังคาสี แดงอันโดดเด่น ป้อมทรองซานี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1645 ภายในประกอบด้วยสถาปัตยกรรมชั้นเลิศ ลานกว้าง ทางเดิน และระเบียงอันสลับซับซ้อนเหมือนเขาวงกต ทั้งยังมีวิหารและหอบูชาอยู่มากถึง 25หลัง ป้อมนี้เป็นป้อมที่สำคัญมาก เป็นสถานที่จัดงานพระราชพิธีแต่งตั้งองค์มกุฎราชกุมารขึ้นเฉลิมพระยศเป็นโชเช เปนลป ก่อนที่จะขึ้นครองราชย์เป็นกษัตร์ย์องค์ต่อไป
เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร
จากนั้นเราก็เข้าไปชมในตัวป้อมทรองซา เที่ยว พิพิธภัณฑ์ทรองซา ซึ่งเดิมเคยเป็นหอสังเกตุการณ์ของเมือง
ค่ำ รับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม
คืนนี้พักที่ Yangkhil Resort ทรองซา หรือ เทียบเท่า (Alt 2,180m)
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เช็คเอ๊าท์
จากนั้นมุ่งหน้าไปสู่เมืองบุมทังเป็นเมืองแห่งจิตวิญญานที่ตั้งอยู่ใจกลางประเทศภูฎาน เส้นที่วิ่งผ่านช่องเขาโยตงลาพาส (3,425m) ถือเป็นเส้นที่มีวิวที่สวยที่สุดในภูฎาน เมื่อเข้าไปในเขตของหุบเขาชูเม่ (เป็น หุบเขาแรกในสี่หุบเขาที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นหุบเขาบุมถัง) ที่นี่มีการทอผ้ายาตรา ซึ่งเป็นผ้าขนสัตว์ทอมือกันมาก เป็นแพทเทิร์นที่มีรูปแบบเฉพาะ สีสรรสดใส เป็นที่ต้องการของตลาด
เมื่อถึงบุมทัง เช็คอินเข้าสู่ที่พัก
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย พาท่านเที่ยวชม Wangdichholing Palace สถานที่ประทับเดิมของกษัตริย์องค์ที่สามของภูฎาน โดย สร้างบนสมรภูมิรบเมื่อปี 1857 พระราชวังนี้เป็นพระราชวังแห่งแรกแห่งราชวงศ์วังชุก และเป็นพระราชวังแห่งแรกที่ออกแบบไม่เหมือนป้อม
เที่ยว Maebar Tso แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ (จริงๆเป็นลักษณะเป็นคลองมากกว่า) เป็นหนึ่งในสถานที่แสวงบุญที่สำคัญที่สุดในภูฎาน ที่นี่เป็นที่ซึ่งท่านเปมา ลิงปะได้ค้นพบสมบัติทางพุทธศาสนาที่ท่านกูรูรินโปเชซ่อนไว้ ท่านสามารถอธิษฐานขอพรโดยโยนเหรียญลงในน้ำ
หากมีเวลาเหลือ สามารถแจ้งไกด์ให้พาเที่ยวตามหมู่บ้านเล็กๆรอบๆบุมทังก็ได้
เย็น รับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม
เดินเล่นในตัวเมืองบุมทัง พักค้างคืนที่ Hotel Peling บุมทัง หรือ เทียบเท่า (Alt; 2580m)
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
เมืองบุมทังเป็นเมืองแห่งจิตวิญญาน เพราะท่านกูรูรินโปเชผู้ซึ่งชาวพุทธที่นับถือพุทธนิกายวัชรยานต่างนับถือเปรียบดั่งองค์พระศาสดาองค์ที่สองรองจากพระพุทธเจ้าศากยมุนี ได้เสด็จมาประทับที่นี่เป็นที่แรกและต่อมาได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั่วทั้งดินแดนบุมทังจึงกลายเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวภูฏาน เราจะพาท่านเที่ยวชมโบราณสถานและวัดที่สำคัญหลายแห่ง
เริ่มจากวิทยาลัยสงฆ์เคอชู ดรักซัง ที่ตั้งบนเนินเขา ที่นี่เป็นจุดชมวิวหุบเขาบุมทังที่สวยงาม ถูกขนานนามโดยนักท่องเที่ยวว่าเป็นสวิสเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย จากนั้นเที่ยวชมวัดจัมเบลาคัง วัดที่เก่าแก่ที่สุด หนึ่งในสองของภูฏาน สร้างพร้อมกับวัดคิชุลาคังในเมืองพาโร สร้างโดยกษัตริย์ซงเซ็นกัมโปของทิเบตในศตวรรษที่ 7 เพื่อสะกดปีศาจร้ายนอนทอดกายปิดทับทิเบตและเขตหิมาลัยไว้ เพื่อขัดขวางไม่ให้ศาสนาพุทธแพร่เข้ามาสู่แว่นแคว้นแถบนี้ พระองค์ทรงสร้างวัด 108 เพื่อสะกดและตรึงตัวปีศาจไว้ โดยตำแหน่งของวัดคิชุลาคังอยู่ในตำแหน่งเท้าซ้าย และวัดจัมเบลาคังอยู่ในตำแหน่งเข่าซ้ายของปีศาจ เล่ากันว่าเมื่อครั้งที่ท่านกูรูรินโปเชเสด็จมายังภูฏาน ท่านสำแดงฤทธิ์เสด็จขึ้นไปประทับบนหลังคาวัด และเทศนาธรรมโปรดระเจ้าเสนธกะกับเหล่าข้าราชบริพารจากบนนั้น
เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร
เที่ยวชมวัดเคอเจลาคัง เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ ภายในตัววัดประกอบไปด้วยสามอารามใหญ่ และล้อมรอบด้วยสถูป 108สถูป จากนั้นเที่ยวชมวัดทัมชิงลาคัง วัดในนิกายนิงมาปะ พบโดยท่านเทอทน เปเม ลิงปะ ภายในวัดมีจิตรกรรมฝาผนังโบราณที่เป็นภาพพระพุทธเจ้าทั้ง 1,000ปาง และพระโพธิสัตว์ เชื่อกันว่าหากสามารถแบกเสื้อเกราะเหล็กโบราณเดินรอบโบสถ์ จะช่วยให้ความปรารถนาสัมฤทธิ์ผล จากนั้นเที่ยวชมวัดเคนโชซัมลาคัง ซึ่งครั้งแรกถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 7 จากนั้นท่านเทอทน เปมา ลิงปะ ได้บูรณะวัดใหม่ในปี ค.ศ.15 เชื่อกันว่าตัววัดได้ถูกสร้างบนทะเลสาบใหญ่ที่ซึ่งท่านได้ค้นพบสมบัติสำคัญทางศาสนา
หรือ หากเบื่อวัด ท่านสามารถปรับเปลี่ยนโปรแกรมได้โดยการปรึกษาไกด์เพื่อนำเสนอกิจกรรมที่เหมาะกับท่าน
เย็น รับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม
เดินเล่นในตัวเมืองบุมทัง พักค้างคืนที่ Hotel Peling บุมทัง(Alt; 2580m)
วันนี้แนะนำให้ออกแต่เช้า เพราะต้องเดินทางไกล
เช้าตรู่ รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เช็คเอ๊าท์
พาท่านเดินทางมุ่งหน้าสู่เมือง ผบจิกะ เมืองที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งในภูฎาน เป็นเมืองในหุบเขาที่แสนงดงาม เรียบง่าย และอุดมไปด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์ เป็นแหล่งพักของนกกระเรียนคอดำที่อพยพหนีหนาวจากที่ราบสูงทิเบต ในช่วงปลายเดือนตุลาคม-มีนาคม และในปลายเดือนสิงหาคมดอกบัวตองจะบานเต็มทั่วทั้งหุบเขา ท่านจะพบกับป่าสน ป่าดึกดำบรรพ์ เทือกเขา และไร่มันสำปะหลังที่ผสมผสานกันอย่างงดงาม จนนักท่องเที่ยวหลายคนฝันอยากมาใช้ชีวิตที่อยู่ที่นี่เลยทีเดียว
เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคารระหว่างทาง
เย็น พาท่านเที่ยวชมวัดกังเต วัดพุทธทิเบตในนิกายญิงมาปะที่ใหญ่ที่สุดในภูฏาน พาท่านเที่ยวชมวิถีชีวิตที่บ้านฟาร์มอายุกว่า 300ปี ชมสาธิตการทำชาเนยแบบโบราณในกระบอก ชิมขนม พร้อมจิบชาร้อนๆแบบภูฎาน หรือ ท่านสามารถใช้โอกาสนี้เดินชมหุบเขา โดยเดินเท้าไปบ้านฟาร์ม (ใช้เวลา 10-15นาที เดินพื้นราบ) หรือ หากใครอยากออกกำลังกายก็สามารถเทรคสั้นๆระยะทาง 4 ก.ม. บนเส้นทาง Trekking Trail ผ่านป่าสนโบราณ รับอากาศที่สดชื่น
เย็น รับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม
จากนั้นพักผ่อนที่ Gangkiling Hotel หรือ เทียบเท่า ในเมืองผบจิกะ (Alt; 2900m)
วันนี้แนะนำให้ออกแต่เช้า เพราะต้องเดินทางไกล
เช้าตรู่ รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เช็คเอ๊าท์
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารระหว่างทาง
เมื่อถึงเมืองทิมพู พาท่านเที่ยวชมสัตว์ประจำชาติภูฏานที่ สวนสัตว์ทาคิน ชมตัวทาคิน มีหัวเหมือนแพะ ตัวเหมือนวัว เป็นสัตว์ในตำนานของชาวภูฎาน และเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ จากนั้นแวะเที่ยว วัดแม่ชีดรุบโถบลาคัง แวะ จุดชมวิวป้อมทาชิโชจากมุมบนเขา
นำท่านสู่ ป้อมทาชิโช ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานที่ใช้ทรงงานของกษัตริย์ ประกอบไปด้วยท้องพระโรง และศาสนสถานอยู่ภายใน
เย็น รับประทานอาหารที่ภัตตาคาร
คืนนี้พักที่ Namgay Heritage Hotel หรือ เทียบเท่า ในเมืองทิมพู (Alt; 2320m)
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เช็คเอ๊าท์
พาท่านเดินทางไปยังเมืองพาโร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที
พาเที่ยวชม วัดซงดากา (รถไปถึง) ตั้งอยู่บนหน้า ผาเหนือเมืองพาโร ได้ชื่อว่าเป็นทักซังน้อย เป็นจุดชมวิวเมืองพาโรที่สวยงามมาก วัดนี้ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นองค์กูรูรินโปเชพูดได้ และด้านหลังองค์พระก็มีสถูปเก็บอัฐิธาตุของอริยสงฆ์อีกด้วย
จากนั้นขับรถมุ่งหน้าไปสู่ หุบเขาฮา (Alt; 2670m) ทิวทัศน์สองข้างทางสวยงามจับใจ อาจได้เห็นฝูงจามรีระหว่างทาง ผ่านถนนที่สูงที่สุดของภูฎานที่ช่องเขา เชเลลาพาส (3810m) แวะถ่ายภาพกับป้ายแสดงความสูงและธงมนต์ที่ถูกผูกไว้ทั่วทั้งช่องเขา
แต่เดิมหุบเขาฮาเป็นไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้าไปท่องเที่ยว จนเมื่อปี2001 รัฐบาลภูฎานได้เปิดพื้นที่ให้โอกาสนักท่องเที่ยวต่างถิ่นได้สัมผัสชีวิตที่ยังไม่ถูกเจือปนจากโลกภายนอก ห้อมล้อมด้วยป่าเขา เต็มไปด้วยศาลเจ้าเก่าแก่โบราณ ในหุบเขาจะเห็นทุ่งข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เล่ย์ และไร่มันฝรั่ง บ้านเรือนแถบนี้งดงามมากด้วยขอบบัวไม้ที่มีภาพวาดอันสลับซับซ้อน และขอบหน้าต่างที่แกะสลักอย่างวิจิตร เมื่อถึงที่ เราจะลงเดินเพื่อสำรวจความมหัศจรรย์ของหุบเขาแห่งนี้ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
บ่าย พาเที่ยวหุบเขาฮา
สมควรแก่เวลาพาท่านเดินทางกลับสู่เมืองพาโร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที
เย็น รับประทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรม
คืนนี้พักค้างคืนที่ Tashi Namgay Resort หรือ เทียบเท่า ในเมืองพาโร (Alt; 2280m)
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
พาท่านไปยังตีนเขาขึ้นสู่วัดทักซัง ให้ท่านได้ขี่ม้าขึ้นสักการะวัดทักซัง หรือ วัดถ้ำเสือ วัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในภูฎาน วัดทักซัง หรือ วัดถ้ำเสือ เป็นศาสนสถานที่มหัศจรรย์ เพราะตัววัดเหมือนเกาะอยู่บนหน้าผาหินที่มีความสูงถึง 900 เมตร วัดจากที่ราบ พาโร ตำนานกล่าวไว้ว่าท่าน Guru Padmasambhava หรือ พระปทุมสมภพในภาคยักษ์ หรือพระศาสดาองค์ที่สองตามความเชื่อของชาวภูฏาน ได้เหาะมาบนหลังเสือตัวเมีย มายังหน้าผาแห่งนี้เพื่อทำวิปัสนากรรมฐาน จึงได้ชื่อว่าถ้ำเสือ หลังจากที่สำเร็จสมาธิแล้ว ท่าน จึงได้สร้างศาสนสถานแห่งนี้ขึ้น ชาวภูฏานส่วนใหญ่มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะได้ขึ้นมาแสวงบุญที่ Taktsang สักครั้งหนึ่งในชีวิต
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนเขา เป็นมังสวิรัติ
หลังอาหาร ต้องเดินเท้าต่อไป (ไม่อนุญาตให้ขี่ม้าหลังจากจุดนี้) ทางจะเป็นทางดินจนถึงจุดชมวิว จากนั้นเป็นบันไดจนถึงตัววัด โดยเริ่มจากเดินลงบันไดประมาณ 250 ขั้น และ เดินขึ้นบันไดอีก 100 ขั้น เพื่อไปถึงตัววัด เดินเที่ยวภายในวัดอีกประมาณ 1-2 ชั่วโมง ไม่อนุญาตให้นำโทรศัพท์มือถือ และกล้องถ่ายรูปเข้าไปในวัด มีล๊อกเกอร์สำหรับฝากของให้บริการ
ขากลับต้องเดินเท้ากลับจนถึงที่จอดรถ ไม่อนุญาตให้ขี่ม้าลงเขาเพราะจะอันตราย ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 5-7 ชั่วโมง
เย็น พาท่านเยี่ยมชมบ้านชาวนาที่เตรียมต้อนรับขับสู้อย่างดีและอบอุ่น ท่านจะได้เห็นการตกแต่งบ้านเรือน ของชาวภูฎานแท้ๆ และเห็นวัฒนธรรมการกินการใช้ชีวิตของเค้า พร้อมจิบชาเนย แกล้มขนมพื้นบ้าน หรือ ชิมเหล้าหมักพื้นบ้านที่เรียกว่า อาร่า Ara รสชาติคล้ายกับเหล้าสาเกของญี่ปุ่น หากมาถึงก่อนมืด ก็ให้ท่านได้ลองยิงธนูแบบภูฏานอีกด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารเย็นที่ภัตตาคาร
คืนนี้พักค้างคืนที่ Tashi Namgay Resort หรือ เทียบเท่า ในเมืองพาโร (Alt; 2280m)
หมายเหตุ
– ม้าสามารถบรรทุกน้ำหนักไม่เกิน 100 ก.ก. หากท่านใดมีน้ำหนักเกินอาจไม่สามารถขึ้นได้
– ที่บ้านชาวนา มีบริการการอาบน้ำแร่หิน หรือ Hot Stone bath หรือเรียกว่า Chu Tsen ที่ขึ้นชื่อของภูฎานอีกด้วย โดยจะนำหินจากแม่น้ำที่มีแร่ธาตุอุดมอยู่มากมาย และใช้เวลาเผาประมาณ 5-6 ชั่วโมง จนกลายเป็นหินร้อน จากนั้นนำมาแช่ลงในน้ำอุ่นจนกลายเป็นน้ำแร่ และให้ท่านลงไปแช่ อาบในอ่างไม้ผสมกับสมุนไพรตามสไตล์ชาวภูฎาน โดยเชื่อว่าจะช่วยบำรุงผิวพรรณ และรักษาโรคผิวหนังได้ดี (หากสนใจจะแช่น้ำแร่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมท่านละประมาณ USD$30โดยใช้เวลาแช่ประมาณครึ่งชั่วโมง)
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เช็คเอ๊าท์ นำท่านสู่สนามบินนานาชาติพาโร
08:30 เช็คอินที่สนามบินพาโร สายการบิน Drukair เที่ยวบินที่ KB150 พาโร – กรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 30 นาที
11:00 เครื่องบินเหินฟ้าจากสนามบินพาโร (เสริฟอาหารกลางวันบนเครื่องบิน)
15:10 เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
**********************************
อัตรานี้รวม และไม่รวม อะไรบ้าง สำหรับ ทัวร์ภูฏาน 10 วัน
- ตั๋วเครื่องบินไปกลับชั้นประหยัด กรุงเทพฯ – พาโร
- ค่ารถนำเที่ยวภายในภูฏาน/ไกด์ภาษาอังกฤษ
- โรงแรมตามที่ระบุในโปรแกรม (2-3 ท่านต่อ 1 ห้อง)
- ค่าวีซ่าภูฏาน
- ค่า Tour Development Fee
- ค่าบัตรเข้าชมสถานที่เที่ยว
- ค่าอาหารมาตรฐานตามรายการ
- ค่าม้าขึ้นวัดทักซัง (ถ้ามี)
- ประกันการเดินทางวงเงิน 1,000,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ นอกเหนือจากรายการ
- ค่าน้ำหนักเกินกว่าสายการบินกำหนด 30kg สำหรับชั้นประหยัด
- ค่าโทรศัพท์/ค่าซักรีด/เครื่องดื่มนอกเหนือจากรายการ
- ค่าอาบน้ำแร่หิน
- ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และค่าภาษีบริการ 3%
- ค่าทิปไกด์, คนขับรถ
- น้ำดื่มบนรถไม่จำกัดจำนวน
- ชา-กาแฟ หลังอาหารมื้อหลัก
- ได้สวมชุดประจำชาติ
- ยิงธนูแบบภูฏาน
- ระบำภูฏานสำหรับกรุ๊ปใหญ่